วิตามิน และอาหารเสริมที่ช่วงวัยทองควรเลือกทาน เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง

เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าสู่วัยทองซึ่งเป็นทั้งผู้หญิง และผู้ชาย โดยผู้หญิงจะเข้าสู่วัยทองเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน เมื่อไม่มีประจำเดือนแล้วร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง ทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมามากมาย เช่น นอนไม่หลับ, อารมณ์แปรปรวน, ร้อนวูบวาบ, น้ำหนักขึ้นง่าย, เหงื่อออกตอนกลางคืน และช่องคลอดแห้ง รวมทั้งไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ถึงแม้วัยทองจะเป็นอะไรที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ เช่น หาอาหารเสริมวัยทองมาทานเพื่อรักษาสมดุลต่างๆ ของร่างกาย และการดูแลตนเองที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยให้บรรเทาอาการวัยทองได้ ซึ่งอาหารเสริมสำหรับวัยทองที่เราอยากแนะนำให้ทานนั้นมีดังนี้

อาหารเสริมที่วัยทองควรเลือกทาน

  • แคลเซียมและวิตามิน D ช่วยในการรักษากระดูกให้แข็งแรง การทานแคลเซียมร่วมกับวิตามิน D สามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • อิสอฟลาโวน สารประกอบที่พบในถั่วเหลือง ช่วยลดอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ
  • โอเมก้า – 3 ช่วยในการรักษาระดับคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • วิตามินบี คอมเพล็กซ์ ช่วยเพิ่มพลังงาน และลดความตรึงเครียด
  • วิตามินซี ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และลดการอักเสบได้
  • แมกนีเซียม ช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและปรับปรุงการนอนหลับ

ก่อนที่จะเริ่มทานอาหารเสริมใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสภาพร่างกายและไม่มีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ที่กำลังทานอยู่

วิธีดูแลตัวเองในช่วงวัยทอง

  • รับประทานอาหารให้สมดุลกัน – โดยโฟกัสไปที่อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม, วิตามิน D และแร่ธาตุ เช่น ผักใบเขียว, ปลา,น้ำมัน, ถั่ว และผลไม้ ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาล
  • การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ – โดยการออกกำลังกายจะช่วยลดอาการบางอย่างของวัยทองได้ อย่างอาการร้อนวูบวาบ และช่วยเสริมสร้างกระดูกแนะนำการเดิน, โยคะ หรือการว่ายน้ำ
  • การดูแลสุขภาพจิต – ด้วยการหาวิธีที่จะทำให้ผ่อนคลายความเครียดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะความเครียดสามารถทำให้อาการวัยทองรุนแรงขึ้น ลองใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ, การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรก
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ – ควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีนและอาหารหนักๆ ใกล้เวลานอน ปรับสภาพแวดล้อมในห้องนอนให้เหมาะสม เช่น มีความเย็นสบายและมืดพอสมควร
  • หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น – เช่น แอลกอฮอล์, คาเฟอีน, และสารกระตุ้นอื่นๆ ที่อาจทำให้อาการร้อนวูบวาบแย่ลง
  • ปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับการจัดการอาการ และตัวเลือกการรักษา ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยาหรือการบำบัดฮอร์โมน
  • ควรดื่มน้ำให้มากๆ น้ำช่วยรักษาระดับน้ำในร่างกายให้เหมาะสม

ทั้งนี้วัยทองเกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่สามารถทำได้คือ ต้องดูแลตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทานอาหาร หรืออาหารเสริมวัยทอง เพื่อที่จะได้บรรเทาอาการวัยทองให้ดีขึ้น และทำให้ก้าวข้ามพ้นสู่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างมีความสุขค่ะ

รวมเรื่องน่ารู้ทั่วไปของวัยทอง และวิธีแก้อาการวัยทอง

วัยทอง หรือ วัยหมดประจำเดือน เป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของผู้หญิง เมื่อรังไข่หยุดทำงาน และไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนได้เพียงพอ วัยทองมักเกิดขึ้นเมื่อผู้หญิงอายุประมาณ 45 – 55 ปี ซึ่งในแต่ละคนจะแสดงอาการมากน้อยแตกต่างกัน อาการวัยทอง (หรือวัยหมดประจำเดือน) เป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง จึงทำให้เกิดอาการต่าง ๆ มากมาย เช่น ร้อนวูบวาบ, เหงื่อออกตอนกลางคืน, อารมณ์แปรปรวน, และการนอนหลับไม่สนิท แต่ทั้งนี้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะวันนี้เรามีวิธีแก้อาการวัยทอง หรือบรรเทาอาการของวัยทองให้ทุเลาลงเอามาฝากดังนี้

ช่วงของวัยหมดประจำเดือนมี 3 ช่วง

  1. ช่วงก่อนหมดประจำเดือน (Perimenopause) เป็นระยะเวลาที่ฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยนแปลงและประจำเดือนอาจมาไม่ปกติ ระยะเวลานี้สามารถกินเวลาหลายปี
  2. ช่วงที่หมดประจำเดือนแล้ว (Menopause) เป็นช่วงเวลาที่ประจำเดือนหยุดมาถาวร เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มที่ไม่มีประจำเดือน
  3. ช่วงหลังหมดประจำเดือน (Postmenopause) เป็นระยะเวลาหลังจากหมดประจำเดือนไปแล้ว อาการเช่นร้อนวูบวาบและเหงื่อออกตอนกลางคืนอาจยังคงอยู่ แต่ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนและโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

วิธีแก้อาการวัยทอง หรือบรรเทาอาการวัยทอง

  1. วิธีแก้อาการวัยทองด้วยการปรับอาหารการกิน รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน อาหารที่เป็นพวกธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวกล้อง รวมทั้งเพิ่มปริมาณแคลเซียมและวิตามิน D เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน ลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ซึ่งอาจกระตุ้นอาการร้อนวูบวาบได้
  2. แก้อาการวัยทองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายหลังอาหารเย็น 1 ชั่วโมงทุก ๆ วัน จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและลดความตึงเครียด ช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย จิตใจ ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ และทำให้การนอนหลับที่ดีขึ้น
  3. แก้ด้วยการจัดการกับความเครียด การการผ่อนคลายด้วยการฝึกสมาธิ, โยคะ, หรือการฝึกควบคุมลมหายใจ เพื่อช่วยลดความเครียดและอารมณ์ที่แปรปรวนของู้ที่มีปัญหาเรื่องอาการวัยทองได้
  4. แก้อาการวัยทองด้วยการใช้ฮอร์โมนทดแทน สำหรับผู้ที่มีอาการวัยทองในบางคน แพทย์อาจแนะนำให้ทานฮอร์โมนทดแทนเพื่อบรรเทาอาการ แต่ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและความเสี่ยง
  5. แก้อาการวัยทองด้วยการใช้สมุนไพร และอาหารเสริม สมุนไพรประเภทโสม ตังกุย เป็นต้น
  6. ควรที่จะต้องนอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ สำคัญอย่างมาก ควรนอนให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพ สามารถเริ่มได้จากการสร้างบรรยากาศการนอนที่ดี และใช้เทคนิคการผ่อนคลายก่อนนอน เพื่อช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

             วิธีแก้อาการวัยทองที่ดีสามารถเริ่มได้จากการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หรือให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ควรทานอาหารเสริมควบคู่กันไป การดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญหากมีร่างกายที่แข็งแรงก็จะห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้ค่ะ

 

หลากวิธีเพื่อหลีกหนีโรคกระเพาะ

ปัจจุบัน โรคกระเพาะอาหาร มีเฉลี่ยโรคของประชากรภายในประเทศเราเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจจะเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่างที่ส่งผลให้คนเกิดความเครียด ความกังวล และวิถีชีวิตของคนทำงานที่มักไม่ค่อยดูแลสุขภาพ เลือกทานอาหารแบบผิด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญต่อการเกิดโรคกระเพาะอาหาร วันนี้เราจึงอยากแนะนำวิธีง่ายๆเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสาเหตุต่างๆที่จะนำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารได้

วิธีแรกที่จะช่วยให้พ้นจากโรคกระเพาะอาหารคือรับประทานอาหารให้ตรงเวลาและควรให้ครบ 3 มื้อ สาเหตุหลักที่มักทำให้คุณเป็นโรคกระเพาะอาหารได้ง่ายที่สุดนั่นคือการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลานั่นเอง เพราะหากเราปล่อยให้กระเพาะอาหารว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยออกมาสัมผัสกับกระเพาะอาหาร จึงเป็นสาเหตุให้เป็นโรคกระเพาะอาหารและแผลในกระเพาะได้ ทั้งนี้ควรงดอาหารที่มีรสจัด เช่น เปรี้ยวจัด เค็มจัด หวานจัด ของดอง และอาหารทอดทุกประเภท มองหากิจกรรมคลายเครียดเพราะโดยส่วนมากแล้วคนในวัยทำงานมักจะมีความเครียดสูง ซึ่งนั่นคือสาเหตุหลักที่ให้สมองสั่งให้น้ำย่อยในกระเพาะมีมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นเราจึงรู้สึกปวดท้องและปวดหัวเพราะความเครียดไปพร้อมๆกันขณะเกิดโรคกระเพาะอาหาร จึงควรหากิจกรรมที่จะช่วยแบ่งเบาความเครียดได้ เช่น ออกกำลังกาย เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง หรือวาดรูป งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเลิกสูบบุหรี่ และน้ำอัดลม ควรหยุดใช้ยาแก้ปวด หรือยาที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ เพราะทั้งหมดถือว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารและกระเพาะอาหารอักเสบ

หากเราสามารหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ก็จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะอาหารได้ สำหรับผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้วก็จะสามารถบรรเทาอาการป่วยและหายใยระะยาวได้

รู้หรือไม่ อาการเจ็บหน้าอกมีผลต่อการเป็นโรคหัวใจ

โรคหัวใจ เกิดจากอาการเจ็บหน้าอก อาการเจ็บหน้าอกนี้ ถ้าเป็นอาการเจ็บแบบรุนแรงแล้ว ส่วนมากทางการแพทย์ได้ให้ว่าจะเป็นการเกิดโรคหัวใจ แต่จริงๆแล้วก็จะมีโรคอื่นๆอีกมากมาย ที่เข้าข่ายกับอาการเจ็บหน้าอก แต่อาการเจ็บหน้าอกที่เป็นลักษณะแบบ มีเหงื่อไหล อ่อนแรง หรือหมดสติด้วยในบางครั้ง อาการเช่นนี้อาจจะเป็นโรคหัวใจ และก็อาจถึงขั้นอาการหนักร้ายแรง หากมีอาการเช่นนี้แล้ว ควรที่จะต้องพบแพทย์โดยด่วน

อาการเจ็บแน่นหน้าอกนี้ มีลักษณะอย่างไรบ้าง จริงๆแล้ว มีลักษณะหลายขั้นตอน ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ป่วยนั้นเป็นโรคหัวใจอยู่มากน้อยเพียงใด หากเป็นการเจ็บหน้าอกในขณะที่ออกกำลังกายหรือออกแรงมากๆ และหยุดออกแรงอาการก็จะหายไป อาการนี้แสดงให้เห็นว่า ภาวะของหลอดเลือดของหัวใจนี้ที่เป็นส่วนสำคัญของเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจนี้เริ่มตีบแล้วมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ถึงกับตัน แต่ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้

อาการเจ็บหน้าอกนี้ เป็นอาการที่เกิดมาจากหลายสาเหตุ บางครั้งเป็นอาการที่มาจากผลข้างเคียงแสดงจากอวัยวะที่อยู่ใกล้ๆกับหัวใจ เช่น มีอาการจุกแน่นบริเวณหน้าอก หรือ อาการหายใจเข้าออกไม่สะดวกร่วมด้วย จนปวดร้าวมาที่กราม แขน และไหล่ข้างซ้าย อาการเช่นนี้ ควรรีบมาโรงพยาบาลครับ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ชัดเจนว่า อาจจะเกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบด้านในคือการที่เลือดนี้จะไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้น้อยลงเรื่อยๆ การรักษานี้ ควรไปพบโรงพยาบาลที่มีความพร้อม และมีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ

แนวทางการรับประทานอาหารเพื่อป้องกันเนื้องอกเต้านม

ในปัจจุบันพบว่าการเกิดเนื้องอกเต้านมเป็นปัญหาที่สำคัญ และพบว่าเกิดได้ง่ายขึ้นพบในผู้ป่วยที่อายุน้อย ปัจจัยในการกระตุ้นที่ทำให้เกิดความผิดปกติที่ส่งผลให้เป็นเนื้องอกเต้านม จากสารเคมีต่างๆในอาหารและสภาพสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดเนื้องอกเต้านมได้

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นวิธีการส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยลดการเกิดเนื้องอกเต้านมได้ มีดังต่อไปนี้

1. ผักและผลไม้ สามารถรับประทานได้ไม่จำกัด โดยเน้น ผักผลไม้ที่ไม่มีรสหวานมาก ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดความอ้วนที่เป็นปัจจัยทางหนึ่งที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย และทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกเต้านม

ผักและผลไม้ที่เป็นผลผลิตตามธรรมชาติ จะมีวิตามินที่สำคัญ และเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วนพอเหมาะ ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ต่อต้านการเกิดสารอนุมูลอิสระที่ทำอันตรายก่อให้เกิดเนื้องอกเต้านมที่เจริญผิดปกติได้  อาหารประเภทน้ำผักผลไม้หรือการรับประทานอาหารประเภทผักสดก็ตาม ในผักและผลไม้มี fiber ตามธรรมชาติที่ช่วยให้อิ่มนาน  มีพลังงานน้อย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน  ที่เป็นสาเหตุของเนื้องอกเต้านมอีกทางหนึ่ง

2. ข้าวและขนมปัง  ที่ขัดสีน้อย เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวมันปู ขนมปังโฮลวีต ซึ่งล้วนเเต่มีจะมีวิตามิน เกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกาย เป็นแหล่งพลังงานในการต่อสู้โรคภัย เช่น เนื้องอกเต้านม และยังมีเส้นใยมาก ที่นอกจากจะช่วยป้องกันการเกิดเนื้องอกเต้านมที่เป็นอันตราย ยังช่วยลดการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร  และยังทำให้อิ่มนาน  การรับประทานอาหารอื่นลดลง ทำให้ไม่อ้วน

จะเห็นได้ว่าอาหารที่มีคุณภาพ  ช่วยต่อต้านการทำงานของเซลล์ที่ผิดปกติเเละการเกิดเนื้องอกเต้านมได้ หากรู้จักดูแลตนเองให้มีความสมดุลของร่างกาย